ข้อได้เปรียบของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน สินค้าต่างๆ และที่กระทบมากที่สุดนั้นก็คือ “การเดินทาง” ซึ่งการที่เราจะประหยัดได้มากที่สุดนั้นก็คือ การใช้รถสาธารณะหรือเปลี่ยนรถเป็นระบบที่สามารถช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันนั้นเองครับ และด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างมากซึ่งกำลังมาแรงและทุกๆ ท่านน่าจะต้องการเป็นเจ้าของกัน คงไม่หนีไม่พ้น “รถขับเคลื่อนไฟฟ้า” นั้นเองครับ บทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ข้อได้เปรียบของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า” กันครับ แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักและวางแผนเตรียมตัวกันเสียก่อนจึงจะดีที่สุดครับ
รถยนต์ไฟฟ้า นั้นเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านอกจากจะอัตราเร่งดีแล้ว ยังไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศอีกด้วยครับ
รถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าดีกว่ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไรบ้าง?
- ประหยัดค่าพลังงานเชื้อเพลิง หากเราเปรียบเทียบระหว่างค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าในปัจจุบันนั้น จะเห็นได้ทันทีเลยว่า ค่าไฟที่ใช้ในการชาร์จรถขับเคลื่อนไฟฟ้า ถูกว่าเห็นๆ เลยหล่ะครับ ถึงแม้ราคารถขับเคลื่อนไฟฟ้าจะสูงกว่าในตอนแรก แต่หากเปรียบเทียบในระยะยาวแล้ว คุ้มกว่ามากเลยครับ
- ช่วยลดมลภาวะ สำหรับโลกของเราที่ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน รถยนต์ไฟฟ้าคือคำตอบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการลดมลภาวะของโลก เพราะไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดไอเสียและมลภาวะทางอากาศที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน เช่นควันไอเสียของรถยนต์ก็จะหายไป
- ประหยัดค่าซ่อมบำรุง นอกจากรถขับเคลื่อนไฟฟ้าจะช่วยคุณประหยัดเงินค่าน้ำมันแล้ว เรื่องของค่าซ่อมบำรุงต่างๆ ก็ถูกกว่าเช่นกัน เพราะไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยๆ และส่วนประกอบต่างๆ ก็น้อยกว่ารถธรรมดาเป็นอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า อีกทั้งยังดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถยนต์ไปเข้าอู่บ่อยๆ ครับ
- อันตราเร่งช่วงต้นสูงกว่า รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาป ภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงของการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า และสามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นไปได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์นั้นเอง
ระบบ Auto Pilot ที่น่าสนใจเป็นอย่างไรกัน?
ระบบ Auto Pilot(ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) คือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ ถูกติดตั้งระบบกล้องและเซนเซอร์รอบคัน เพื่อความปลอดภัย โดยกล้องและเซนเซอร์จะตรวจจับระยะห่างของตัวรถและวัตถุ ซึ่งสามารถนำมาควบคุมตัวรถครับ โดยความเร็วจะอยู่ในมาตรฐานที่กำหนด ด้วยการตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยทำให้รถขับเคลื่อนอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติไม่มีการขับฉวัดเฉวียน ปาดซ้าย ปาดขวา ฝ่าไฟแดง แทรกเลน เป็นต้น ซึ่งระบบดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเป็นหลัก
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “สถานีชาร์จ” กันสักหน่อยครับ
EV Charger หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งการชาร์จออกเป็น 2 ประเภท คือ Normal Charge และ Quick Charge
- Normal Charge เป็นการชาร์จด้วยไฟ AC โดยชาร์จผ่าน On Board Charger ที่ยู่ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทำหน้าที่ในการแปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC ขนาดของตัว On Board Charger จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ ซึ่งขนาดของ On Board Charger จะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์
- Quick Charge จะเป็นการชาร์จโดยใช้ตู้ EV Charger (สถานีชาร์จรถไฟฟ้า) ที่แปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC แล้วจ่ายไฟ DC เข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จจะน้อยกว่าแบบ Normal Charger หัวชาร์จ (SOCKET) ของตู้ EV Charger จะมีทั้งแบบที่เป็น AC และ แบบ DC ประเภทของหัวชาร์จจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์
และนี้ก็คือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “ข้อได้เปรียบของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ครับ หวังว่าจะชอบกันน้า