ทำไมแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าถึงแพง

สิ่งที่เหล่าบรรดาผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต่างกังวลและกลัวนักกลัวหนาว่าถ้าหากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ขออย่าให้สิ่งนี้เสียหายเกินไปนั้นก็คือ “แบตเตอร์รี่รถไฟฟ้า” นั้นเองครับ วันนี้เลยอยากจะพาทุกๆ ท่านไปสำรวจเกี่ยวกับ “ทำไมแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าถึงแพง” กันได้ขนาดนี้ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับผม

แบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าเป็นอย่างไร?

แบตเตอรี่รถไฟฟ้านั้นจะไม่ได้เป็นแบตเตอรี่ซะทีเดียว แต่เป็นเพียงตัวเก็บประจุไฟฟ้าเท่านั้น แต่ก็สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ปกติทั่วไปมากๆ มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีรอบการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 1,000,000 ครั้ง แต่ข้อจำกัดของแบตประเภทนี้คือ มีการจ่ายไฟฟ้าที่ไม่เสถียร และเมื่อใช้ไปนานๆ กำลังไฟฟ้าก็จะลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน แถมแบตเตอรี่ชนิดนี้ยังเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปขนาดเดียวกัน

แบตเตอรี่รถ EV ใช้ได้กี่ปีกันนะ?

แบตเตอรี่รถไฟฟ้านั้นส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับประกันแบตเตอรี่ ซึ่งปกติแล้วในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะมีการรับประกันอย่างน้อย 8 ปี หรือประมาณ 150,000 – 180,000 กิโลเมตร แต่ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ให้ประกันแบตเตอรี่นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการรับประกันของแต่ละแบรนด์ด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอายุของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าด้วยกัน อย่างเช่น แบตเตอรี่อาจมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติเมื่อมีสภาพอากาศที่ร้อน รอบการชาร์จ ระบบการชาร์จไฟฟ้า และพฤติกรรมในการชาร์จไฟ เป็นต้น

เปิดสาเหตุที่ว่า “ทำไมแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าถึงแพง”

ถยนต์ไฟฟ้าได้รับการคาดหมายมานานแล้วว่าจะเป็นไปตามวิถีเดียวกันนี้ เมื่อมันได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่ว ยานยนต์ EV ก็จะมีราคาถูกลง แต่สิ่งที่เราคิดกลับไม่เป็นแบบนั้น จากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาของแบตเตอรี่จะไม่มีวันถูกลง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่แพ็ก ทำให้ต้องเปลี่ยนชุดแบตเตอรี่ใหม่หมดนั้น ราคาที่จะต้องจ่ายนั้นแพงจนสะดุ้ง รถยนต์ BYD ราคา 1.2 ล้านบาท มีราคาแบตเตอรี่ใหม่สูงถึง 565,750 บาท ถึง 656,000 บาท (แล้วแต่รุ่น) ราคาที่สูงเกิดจากเทคโนโลยีใหม่ของแบตเตอรี่แบบใบมีด ความต้องการที่ไม่เพียงพอต่อการผลิต และความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนที่กำลังจะเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในไปเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็ควรจะคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ

อาการของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสื่อม เป็นอย่างไร?

ได้ทำการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 100% แต่วิ่งระยะทางได้น้อยลง เพราะเนื่องจากตัวเก็บประจุไฟเสื่อมคุณภาพ นอกจากนี้ยังชาร์จไฟฟ้านานขึ้น เกิดจากความสามารถในการเก็บไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าลดลงแถมในบางครั้งชาร์จเต็มเร็วผิดปกติ หรือเร็วเกินไป เพราะประสิทธิภาพความจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือน้อยลง ประสิทธิภาพรถแย่ลง เพราะความสามารถในการเก็บไฟของแหล่งพลังงานลดลงนั้นเองครับ

3 ปัญหาของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อ

• ใช้เวลาในการเติมพลังงานช้ากว่าการเติมน้ำมัน ท่านต้องทำใจเย็นรอไว้เลย เพราะการชาร์จแบตเตอรี่ที่ใช้เวลาในการเติมพลังงานช้ากว่าการเติมน้ำมันนับสิบเท่าถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ แม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงจะพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด แต่สุดท้ายก็ยังช้ากว่าการเติมน้ำมันอยู่ดี
• ข้อจำกัดด้านระยะทางในการขับขี่ เพราะปัจจุบันนี้ระยะทางขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้ายังถูกจำกัดด้วยความจุของแบตเตอรี่และประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้า แม้เทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่จะถูกพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยระยะทางต่อราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่นับว่ายังค่อนข้างสูงอยู่ จึงเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน
• อะไหล่ ศูนย์หรืออู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะมีน้อย ทุกวันนี้มีอู่ซ่อมรถยนต์สันดาป(น้ำมัน)อยู่อย่างมากมาย แตกต่างจากอู่ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าที่แม้ว่าจะมีเหมือนกัน แต่ก็มักจะเป็นอู่เฉพาะทาง และมีจำนวนที่น้อยมาก ๆ ไม่ได้หาง่ายเหมือนกับอู่ซ่อมรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และในหลาย ๆ กรณีหากเกิดปัญหาขึ้นมาก็ต้องเข้าศูนย์บริการเท่านั้น แถมบางครั้งอะไหล่ยังหายากและต้องรอเป็นเวลานานๆ ด้วยก็มีเช่นกันครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำไมแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าถึงแพง” ที่พวกเราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่ดีและเหมาะสมสำหรับทุกๆ ท่านกันนะครับ